ในการเลือกน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับรถยนต์ หลายคนอาจสับสนระหว่าง เบนซิน 95 และ แก๊สโซฮอล์ 95 แม้ว่าทั้งสองชนิดจะมีตัวเลข 95 ที่บ่งบอกค่าออกเทนเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างในด้านส่วนผสม ราคา และผลกระทบต่อเครื่องยนต์ ต่อไปนี้คือรายละเอียดที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
1. ความแตกต่างระหว่างเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95
เบนซิน 95
- ส่วนผสม: น้ำมันเชื้อเพลิงบริสุทธิ์ 100% ไม่มีการผสมเอทานอล
- คุณสมบัติ: มีค่าออกเทนสูง ให้การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ลดการสะสมของคราบเขม่า
- ราคา: แพงกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 เนื่องจากไม่มีการผสมเอทานอล
- ข้อดี:
- เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ต้องการเชื้อเพลิงบริสุทธิ์ เช่น รถยนต์รุ่นเก่าหรือรถสมรรถนะสูง
- ลดการสึกหรอของชิ้นส่วนในระบบเชื้อเพลิง
แก๊สโซฮอล์ 95
- ส่วนผสม: น้ำมันเบนซินผสมกับเอทานอล 10%
- คุณสมบัติ: มีค่าออกเทน 95 เช่นกัน แต่การเผาไหม้อาจเร็วกว่าเนื่องจากเอทานอลเป็นสารที่ไวต่อการเผาไหม้
- ราคา: ถูกกว่าเบนซิน 95 เนื่องจากมีการใช้เอทานอลที่ผลิตจากพืชในประเทศ
- ข้อดี:
- ลดการพึ่งพาน้ำมันนำเข้า
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเบนซิน 95
2. ผลกระทบต่อเครื่องยนต์
- เบนซิน 95: ลดปัญหาการกัดกร่อนในระบบเชื้อเพลิงและหัวฉีด ทำให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
- แก๊สโซฮอล์ 95: เอทานอลมีความเป็นกรดเล็กน้อยและดูดความชื้น อาจทำให้เกิดการกัดกร่อนในระบบเชื้อเพลิงหากใช้งานต่อเนื่องในรถยนต์รุ่นเก่าหรือระบบที่ไม่รองรับ
3. ควรเลือกเติมน้ำมันชนิดไหนดี?
- กรณีรถยนต์รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์:
หากรถยนต์ของคุณเป็นรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้รองรับแก๊สโซฮอล์ การเลือกใช้แก๊สโซฮอล์ 95 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดมลพิษ - กรณีรถยนต์รุ่นเก่าหรือสมรรถนะสูง:
สำหรับรถยนต์ที่ไม่รองรับเอทานอลหรือรถสมรรถนะสูง ควรเลือกใช้เบนซิน 95 เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องยนต์
4. คำแนะนำเพิ่มเติม
- ตรวจสอบคู่มือรถยนต์ว่ารองรับน้ำมันชนิดใด
- หากต้องการความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและช่วยสิ่งแวดล้อม แก๊สโซฮอล์ 95 เป็นตัวเลือกที่ดี
- หากเน้นความทนทานของเครื่องยนต์ในระยะยาว เบนซิน 95 อาจตอบโจทย์มากกว่า
การเลือกน้ำมันที่เหมาะสมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ และประหยัดค่าใช้จ่าย เลือกเติมน้ำมันที่เหมาะสมกับรถของคุณเพื่อการเดินทางที่มั่นใจในทุกเส้นทาง!
มาเก็บสาระ DD: