บริการตลอด 24 ชั่วโมง – JS100 (สถานีวิทยุ จส.100) เป็นหนึ่งในช่องทางยอดนิยมที่ให้บริการช่วยเหลือประชาชนในหลายด้าน รวมถึงการช่วยประชาสัมพันธ์ “ของหายได้คืน” (Lost & Found) หากทำของมีค่าหาย หรือเก็บได้และต้องการส่งคืน สามารถติดต่อเพื่อลงข้อมูลได้หลายช่องทาง โดย JS100 จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางประสานให้เจ้าของกับผู้ที่เก็บของได้ติดต่อกัน จนสามารถส่งคืนได้สำเร็จ
ติดตามเบาะแสของหาย
ช่องทางการติดต่อ “ของหายได้คืน” กับ JS100
- โทรศัพท์สายด่วน JS100
- หมายเลข 1137 หรือ *1808 (บางเครือข่ายอาจมีค่าบริการ)
- แจ้งรายละเอียดสิ่งของที่หาย สถานที่ วันเวลาโดยประมาณ และข้อมูลติดต่อกลับ
2. แอปพลิเคชัน JS100
- ดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS / Android
- มีเมนู “แจ้งของหาย” หรือ “แจ้งพบของ” ให้กรอกข้อมูลหรือแนบรูป พร้อมรายละเอียด เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางของ JS100
3. Line Official: @js100
- เพิ่มเพื่อนและส่งข้อความแจ้งของหาย/ของที่พบได้
- ควรเขียนรายละเอียดให้ชัดเจนแนบรูป (ถ้ามี) และระบุเบอร์ติดต่อกลับ
4. เว็บไซต์หรือเพจ Facebook ของ JS100
- เว็บไซต์ JS100 (อาจมีเมนูของหายได้คืน/ร้องทุกข์)
- JS100 Radio Facebook Page
- ส่งข้อความ (Inbox) หรือคอมเมนต์ใต้โพสต์แจ้งเบาะแสของหายได้
ข้อมูลที่ควรเตรียมสำหรับการแจ้งของหาย
- รายละเอียดสิ่งของ
- ลักษณะเฉพาะ (สี ขนาด รุ่น ยี่ห้อ หมายเลขสำคัญ)
- จุดสังเกตที่เห็นได้ชัด (เช่น รอยขีดข่วน, ตำหนิ, ชื่อสลัก)
- หากเป็นกระเป๋า ให้ระบุว่าในกระเป๋ามีอะไรบ้าง
2. สถานที่ วัน และเวลาที่คาดว่าหาย
- เช่น หายบนรถโดยสารสายไหน, บนรถแท็กซี่ ทะเบียนอะไร, ศูนย์การค้า, ร้านอาหาร, สถานีรถไฟฟ้า ฯลฯ
- เวลาประมาณเมื่อไร ก่อน-หลังเหตุการณ์ใด
3. ข้อมูลติดต่อของผู้แจ้ง
- ชื่อ-นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อสะดวก
- อีเมลหรือ LINE ID (ในกรณีมีการประสานงานเพิ่มเติม)
4. รูปภาพ (ถ้ามี)
- หากมีรูปสิ่งของนั้น ๆ จะช่วยให้การตามหาหรือยืนยันเป็นเจ้าของได้สะดวกขึ้น
ขั้นตอนการทำงานของ JS100 ด้าน “ของหายได้คืน”
- รับแจ้งจากผู้ทำของหาย/ผู้พบของ
- เมื่อเราโทรสายด่วน แจ้งข้อมูลผ่านแอป/Line/เฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ
2. ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางของ JS100
- ทางวิทยุ, โซเชียลมีเดีย (Facebook, Twitter, Line) หรือแอป JS100
- ผู้ฟังหรือผู้ใช้โซเชียลมีเดียที่พบเห็น หรือมีข้อมูลเพิ่มเติม จะติดต่อกลับมาที่ JS100
3. ประสานงานให้ทั้งสองฝ่าย (ผู้หาย-ผู้เก็บได้) ติดต่อกัน
- ถ้ามีคนเก็บของได้ แจ้งเข้ามา JS100 จะตรวจสอบรายละเอียดกับผู้แจ้งของหาย
- ในกรณีตรงกัน ก็จะให้ทั้งสองฝ่ายประสานกันโดยตรง เพื่อนัดแนะวิธีการส่งคืน
4. ยืนยันความเป็นเจ้าของ
- บางกรณีต้องมีหลักฐานยืนยัน เช่น บัตรประจำตัว หลักฐานอื่น ๆ ที่ตรงกับของ หรือตรงกับข้อมูลที่แจ้งไว้
- เพื่อป้องกันการแอบอ้าง
เคล็ดลับในการติดตามของหายให้ได้คืน
- รีบแจ้งทันที
- ยิ่งแจ้งเร็ว โอกาสที่คนเก็บได้จะเห็นข้อมูลก็ยิ่งมาก
- หากเกิดบนขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า BTS, รถไฟใต้ดิน MRT, รถเมล์, แท็กซี่ ให้โทรถามหน่วยงาน/ศูนย์ควบคุมโดยตรงควบคู่ไปด้วย
2. ใช้หลายช่องทาง
- นอกจาก JS100 อาจโพสต์ในกลุ่มหรือเพจที่เกี่ยวข้อง (เช่น กลุ่มรถไฟฟ้า, กลุ่มรถเมล์ หรือกลุ่ม “ของหายได้คืน”)
- ติดต่อสถานีตำรวจในพื้นที่ ห้างร้าน สถานีขนส่งที่เกี่ยวข้อง
3. ให้ข้อมูลละเอียดและถูกต้อง
- ช่วยลดโอกาสสับสน และทำให้ผู้คนสามารถยืนยันได้ง่ายขึ้นเมื่อพบของ
4. ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ
- ฟังวิทยุ JS100 หรือเช็กโซเชียลมีเดียของ JS100
- ตรวจสอบข้อความแจ้งเตือน ถ้ามีการติดต่อจากเจ้าหน้าที่
กรณีเก็บของได้แล้วอยากส่งคืน
- ติดต่อ JS100 ด้วยข้อมูลเหมือนกัน แต่แทนที่จะเป็น “ของหาย” ให้แจ้งว่า “เก็บของได้”
- แจ้งสถานที่, วันเวลา, รูปพรรณสิ่งของ, สถานการณ์ที่เก็บได้, เบอร์โทรติดต่อกลับ
- JS100 จะประชาสัมพันธ์ว่ามีผู้เก็บของนี้ได้ เพื่อให้เจ้าของที่แท้จริงติดต่อกลับ
- หากเก็บได้ในพื้นที่สาธารณะ (BTS, MRT, สนามบิน ฯลฯ) สามารถนำฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ (Customer Service) หรือศูนย์ Lost & Found ประจำสถานที่นั้นได้เช่นกัน
สรุป
- JS100 มีบทบาทสำคัญในการเป็น “สื่อกลาง” ประกาศตามหาของหายและผู้พบของ เพื่อให้ส่งคืนเจ้าของ
- ติดต่อได้หลายช่องทาง ทั้งสายด่วน 1137 หรือ *1808, แอป JS100, Line @js100, เว็บไซต์, เฟซบุ๊ก
- ควรเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนและแจ้งทันทีที่รู้ตัวว่าของหาย
- ติดตามประกาศเป็นระยะและใช้ช่องทางอื่น ๆ ประกอบกัน จะช่วยเพิ่มโอกาส “ของหายได้คืน” สูงขึ้น
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณ หรือผู้ประสบเหตุของหาย มีแนวทางและวิธีการติดตามที่สะดวกมากขึ้น และสามารถได้ของคืนอย่างรวดเร็วค่ะ!