การใช้รถยนต์ในประเทศไทย ไม่ใช่แค่เรื่องของพาหนะเดินทาง แต่เกี่ยวพันถึงความปลอดภัย ความรับผิดชอบ และกฎหมายหลายฉบับที่เจ้าของรถและผู้ขับขี่ต้องรู้และทำตามอย่างเคร่งครัด หากละเลย อาจต้องเสียค่าปรับหรือเสี่ยงคดีอาญาโดยไม่รู้ตัว
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
กฎหมายหลักของการขับขี่รถยนต์บนท้องถนน ซึ่งระบุเรื่อง
- ผู้ขับขี่ต้องมี ใบอนุญาตขับรถ ถูกต้องตามประเภท (เช่น ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล, รถบรรทุก ฯลฯ)
- ต้องขับรถ ไม่เกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด (เช่น 80 กม./ชม. ในเขตเมือง)
- ห้ามขับรถย้อนศร ฝ่าไฟแดง แซงในที่คับขัน หรือขับโดยประมาท
- คาดเข็มขัดนิรภัย ทั้งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (รวมถึงด้านหลังในบางพื้นที่)
- ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือโดยไม่ใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรี
พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522
เป็นกฎหมายที่เจ้าของรถทุกคนต้องรู้ โดยเฉพาะเรื่อง
- การ จดทะเบียนรถยนต์ กับกรมการขนส่งทางบก
- การต่อทะเบียนประจำปี ต้องมีการตรวจสภาพรถ (กรณีรถเกิน 7 ปี)
- ต้องมี พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (บังคับทุกคัน)
- ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล / ค่าชดเชยในกรณีบาดเจ็บ เสียชีวิต
- หากไม่ต่อภาษีหรือไม่มีพ.ร.บ. จะถูกปรับ และอาจถูกห้ามใช้งานบนถนน
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ชั้น 1-3)
แม้จะไม่ใช่กฎหมายบังคับ แต่ มีผลทางกฎหมายในกรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะ
- ผู้ใช้บริการขนส่งหรือเช่ารถควรเลือกบริษัทที่มีประกันภัยที่ครอบคลุม
- ผู้ประกอบการควรมี ประกันภัยชั้น 1 หรือ 2+ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า
กฎหมายควบคุมรถรับจ้าง/รถสาธารณะ
กรณีทำธุรกิจรถเช่า/ขนส่ง/รถพร้อมคนขับ ต้องรู้ว่า:
- ต้องจดทะเบียนเป็น รถเพื่อการพาณิชย์หรือสาธารณะ
- คนขับต้องมี ใบขับขี่สาธารณะ (สีเหลือง) ไม่ใช่ใบขับขี่ส่วนบุคคล
- รถต้องผ่านการตรวจสภาพ และมีประกันที่เหมาะสมกับประเภทการให้บริการ
📌 สรุป: ขับรถ = ต้องรู้กฎหมาย
ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของรถ ใช้บริการเช่ารถ หรือทำธุรกิจขนส่ง
กฎหมายรถยนต์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ความรู้พื้นฐานนี้จะช่วยให้คุณ
- ใช้รถอย่างมั่นใจ
- ไม่เสียค่าปรับ
- ป้องกันปัญหาใหญ่จากอุบัติเหตุ