สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ทั่วประเทศยังคงทวีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคเหนือและเขตกรุงเทพฯ–ปริมณฑล ที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานจนมองเห็นหมอกควันขมุกขมัวในหลายพื้นที่ ไม่เพียงส่งผลเสียต่อสุขภาพเท่านั้น ยังทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง และก่อความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนอีกด้วย
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเต็มที่ พร้อมกำหนด 6 มาตรการระยะสั้น รวมถึงการขอความร่วมมือภาคส่วนต่างๆให้ปรับลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันมาใช้ขนส่งมวลชน และมอบหมายให้กรมฝนหลวงฯ จับตาความชื้นในอากาศ หากเหมาะสมก็จะทำฝนเทียมทันที
จากรายงานของศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM2.5 กระทรวงสาธารณสุข พบว่าจังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกิน 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ติดกัน 3 วันขึ้นไปมีทั้งหมด 5 จังหวัด ได้แก่
- เพชรบุรี นำโด่ง ค่าฝุ่นเกินติดต่อกันถึง 5 วัน
- สุโขทัย
- สระบุรี
- สมุทรสาคร
- กรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด อาทิ พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี ระยอง และปทุมธานี ที่บางจุดค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงเกิน 100 มคก./ลบ.ม.
“สุริยะ” ขึ้นมาตรการเข้ม ฟรีรถเมล์–รถไฟฟ้า 7 วัน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ตามนโยบายนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งบรรเทาปัญหาฝุ่นควันในกรุงเทพฯ จึงออกมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้าและรถโดยสาร ขสมก. ฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25–31 มกราคม หากครบกำหนดแล้วสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น จะพิจารณาขยายเวลาต่อไป
พร้อมกันนี้ กระทรวงฯ ได้ตั้งจุดตรวจรถยนต์ 8 จุด ในเขตกรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบค่าควันดำ ได้แก่ บริเวณหน้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ท่าเรือคลองเตย หน้าสวนจตุจักร บางนา กม.1 บริเวณ ถ.สุวินทวงศ์ (หน้าการประปามีนบุรี) ถ.พระราม 2 (แขวงการทางพิเศษบางขุนเทียน) ถ.รังสิต–นครนายก และ ถ.บรมราชชนนีขาเข้า–ขาออก หากพบรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานจะพ่นข้อความ “ห้ามใช้” ทันที จนกว่าจะนำไปซ่อมแซมและตรวจสอบซ้ำ
คมนาคมตรวจรถ 3 หมื่นคัน พบควันดำ 809 คัน
รมว.คมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ปีที่ผ่านมา ถึง 23 มกราคมของปีนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรถยนต์สะสมแล้ว 30,401 คัน พบรถที่มีควันดำเกินเกณฑ์และถูกพ่น “ห้ามใช้” ทั้งสิ้น 809 คัน ย้ำไปยังผู้ประกอบการขนส่งให้หมั่นดูแลสภาพเครื่องยนต์ และหลีกเลี่ยงการนำรถที่ยังไม่ได้แก้ไขเข้ามาในพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก 9 เขต ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
“อนุทิน” ประกาศจัดระเบียบ ห้ามเผา ฝ่าฝืนย้ายผู้ว่าฯ
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ย้ำว่า ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกพื้นที่ โดยเฉพาะ 15 จังหวัดตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคกลาง ให้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบจุดเผาในที่โล่ง หากพบว่ามีการเผาฝ่าฝืนมาตรการ อาจมีคำสั่งย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นทันที เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสุขภาพของประชาชน
วิจัย “สเปรย์อิมัลชันน้ำมันหอมระเหย” ลดฝุ่น 6 เท่า
ทางด้าน รศ.ดร.คำรณวิทย์ ทิพย์มณี จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เผยผลงานวิจัยที่ใช้คุณสมบัติน้ำมันหอมระเหยจากพืชธรรมชาติ เช่น มะกรูด ตะไคร้ ยูคาลิปตัส และขิง มาพัฒนาเป็น “ระบบสเปรย์อิมัลชัน” สามารถจับอนุภาคฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทดลองใช้จริงในสวนสาธารณะ 3 แห่งในกรุงเทพฯ พบว่าสามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้มากถึง 6 เท่า เมื่อเทียบกับการฉีดพ่นด้วยน้ำเปล่า
ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานต่างเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 แบบเร่งด่วนควบคู่กับการวางแผนระยะยาว โดยประชาชนสามารถมีส่วนร่วมด้วยการลดการเผาในที่โล่ง หมั่นตรวจสอบรถยนต์ของตนเองไม่ให้ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐาน และใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพื่อบรรเทาวิกฤติอากาศเป็นพิษครั้งนี้อย่างยั่งยืน.